Google เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง เสนอ “โปรแกรมสมัครใจลาออก” ให้กับพนักงานในหลายหน่วยงานหลัก ทั้งฝั่ง Knowledge and Information (K&I) ซึ่งดูแลธุรกิจ Search, Ads และ Commerce, หน่วย Central Engineering, ทีมการตลาด, วิจัย และสื่อสารองค์กร โดยมีเหตุผลหลักคือต้องการบริหารต้นทุนให้เหมาะสม เพื่อเตรียมทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปี 2025

Google ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลก เดินหน้าปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง โดยล่าสุดได้เสนอ “โปรแกรมสมัครใจลาออก” ให้กับพนักงานในหลายหน่วยงานหลัก ทั้งฝั่ง Knowledge and Information (K&I) ซึ่งดูแลธุรกิจ Search, Ads และ Commerce, หน่วย Central Engineering, ทีมการตลาด, วิจัย และสื่อสารองค์กร

ตามรายงานจาก CNBC โปรแกรม Buyout ครั้งนี้ถือเป็นความพยายามล่าสุดของ Google ในการปรับลดจำนวนพนักงานอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การปลดคนครั้งใหญ่เมื่อปี 2023 ที่มีพนักงานถูกปลดออกถึง 12,000 คน โดยครั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนพนักงานที่เข้าร่วมโปรแกรมอย่างเป็นทางการ

หน่วย K&I ซึ่งมีพนักงานราว 20,000 คน เพิ่งมีการปรับโครงสร้างในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยแต่งตั้ง Nick Fox มานั่งบริหาร ล่าสุด Fox ได้ส่งบันทึกข้อความถึงพนักงาน ระบุว่า โปรแกรม Buyout นี้เหมาะสำหรับผู้ที่รู้สึกว่าไม่สอดคล้องกับทิศทางบริษัท หรือไม่สามารถตอบโจทย์งานที่ได้รับมอบหมายได้

“ถ้าคุณยังมีความตื่นเต้นกับงาน รู้สึกมีพลังกับโอกาสข้างหน้า และยังทำผลงานได้ดี ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะไม่ลาออก” Fox ระบุในบันทึก

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่รู้สึกว่างานไม่ตอบโจทย์หรือรู้สึกหมดไฟ Fox ชี้ว่านี่เป็น “ทางออกที่ให้เกียรติ” (Supportive Exit Path) หากต้องการแยกทางกับบริษัท

Google

ใช้ Buyout แทน Layoff แนวทางใหม่ของ Google แม้จะฟังดูเหมือนเป็นทางเลือก แต่จริง ๆ แล้ว Buyout ได้กลายเป็นกลยุทธ์หลักของ  ในการลดจำนวนพนักงานตลอดช่วงปีที่ผ่านมา โดยเดือนมกราคม หน่วย Platforms and Devices ซึ่งดูแล Android, Chrome, ChromeOS, Photos, Pixel และอื่น ๆ ที่มีพนักงานกว่า 25,000 คน ได้เสนอ Buyout ให้พนักงานประจำในสหรัฐฯ ไปแล้ว

และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (People Operations) ก็ได้เปิด Buyout ให้อีกชุด โดยเฉพาะพนักงานระดับกลางถึงอาวุโส โดยจะได้รับค่าชดเชยสูงสุด 14 สัปดาห์บวกเพิ่มอีก 1 สัปดาห์ต่อปีของอายุงาน และต่อมาทางหน่วยงานด้านกฎหมายและการเงินของก็มีการเปิด Buyout เช่นกัน

Fox ยอมรับว่าเขาได้ติดตามแนวทาง Buyout ของหน่วยงานอื่น ๆ อย่างใกล้ชิด และตัดสินใจเลือกใช้วิธีนี้ในทีมของตัวเอง หลังพบว่าทีมอื่นมีเสียงตอบรับเชิงบวกกลับมา

เบื้องหลังการปรับลดคนอย่างต่อเนื่องนี้ อาจมาจากการที่ ต้องการบริหารต้นทุนให้เหมาะสม เพื่อเตรียมทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ในปี 2025 ตามที่ Anat Ashkenazi, CFO เคยประกาศไว้ และล่าสุด  ยังได้ปรับหลักสูตรภายในองค์กรใหม่ โดยเน้นการสอนพนักงานให้ใช้งานเครื่องมือ AI สมัยใหม่ในการทำงานแทนที่หลักสูตรพัฒนาทักษะทั่วไปบางส่วน

อย่างไรก็ตาม การเสนอ Buyout ครั้งนี้มาคู่กับนโยบายกลับเข้าออฟฟิศ (Return-to-office Policy) โดยพนักงานที่อยู่ในระยะ 50 ไมล์จากออฟฟิศจะถูกบังคับให้กลับเข้าทำงานในรูปแบบไฮบริด ไม่เช่นนั้นอาจตกไปอยู่กลุ่มผู้ที่จะถูก Buyout ได้ panacea-project