โรคมะเร็งปอด คือหนึ่งในโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตจากมะเร็งทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ความน่ากลัวของโรคนี้คือมักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากมาพบแพทย์เมื่อโรคดำเนินไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้เรามีความเข้าใจในโรคนี้มากขึ้น และมีแนวทางในการป้องกัน ตรวจคัดกรอง และรักษาที่มีประสิทธิภาพกว่าเดิม

มะเร็งปอดคืออะไร?

มะเร็งปอด

มะเร็งปอดคือภาวะที่เซลล์ในปอดมีการเจริญเติบโตผิดปกติอย่างควบคุมไม่ได้ เกิดเป็นก้อนเนื้อร้ายที่สามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง หรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกายผ่านทางกระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง (Metastasis)

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ คือ:

  1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC): พบประมาณ 10-15% ของผู้ป่วยมะเร็งปอด มักมีความรุนแรงและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว สัมพันธ์กับการสูบบุหรี่อย่างมาก
  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC): พบประมาณ 85-90% ของผู้ป่วยมะเร็งปอด แบ่งย่อยได้อีกหลายชนิด เช่น Adenocarcinoma, Squamous Cell Carcinoma ซึ่งแต่ละชนิดอาจมีการรักษาที่แตกต่างกัน

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

สาเหตุหลักของโรคมะเร็งปอดคือการได้รับสารก่อมะเร็งเข้าสู่ปอดอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญได้แก่:

  • การสูบบุหรี่: เป็นสาเหตุอันดับ 1 ของมะเร็งปอด ทั้งผู้ที่สูบเอง (Active Smoker) และผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง (Passive Smoker) ยิ่งสูบนาน สูบมาก ยิ่งเสี่ยงมาก
  • การได้รับสารแอสเบสตอส (Asbestos): มักพบในกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง วัสดุฉนวนกันความร้อน
  • การได้รับสารเรดอน (Radon): เป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากใต้ดิน
  • มลภาวะทางอากาศ (PM2.5): ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ปอดได้ลึก เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
  • ประวัติครอบครัว: หากมีคนในครอบครัวสายตรงเป็นมะเร็งปอด อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
  • อายุ: ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • โรคปอดเรื้อรัง: ผู้ที่เป็นถุงลมโป่งพองหรือมีพังผืดในปอด อาจมีความเสี่ยงสูงขึ้น

อาการของโรคมะเร็งปอด

ในระยะเริ่มต้น มะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้จนกว่าจะลุกลาม อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย:

  • ไอเรื้อรัง: ไอต่อเนื่องนานกว่า 2-3 สัปดาห์ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อาจมีเสมหะปนเลือด
  • เจ็บหน้าอก: อาการเจ็บหน้าอกที่ไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว
  • หายใจลำบาก หรือหายใจมีเสียงหวีด: รู้สึกเหนื่อยง่าย หายใจไม่เต็มอิ่ม
  • เสียงแหบ: เสียงเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • น้ำหนักลดผิดปกติ และอ่อนเพลีย: โดยไม่ได้รับประทานอาหารน้อยลงหรือออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
  • เบื่ออาหาร
  • ปอดติดเชื้อบ่อยครั้ง: เช่น ปอดอักเสบ หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง

การวินิจฉัยโรคมะเร็งปอด

การวินิจฉัยโรค มะเร็งปอด มักจะเริ่มต้นจากการซักประวัติและตรวจร่างกาย จากนั้นแพทย์อาจพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray): เป็นการตรวจเบื้องต้นที่สามารถมองเห็นเงาผิดปกติในปอดได้
  • เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือ MRI: ให้ภาพปอดและทรวงอกที่ละเอียดกว่า สามารถเห็นขนาด ตำแหน่ง และการแพร่กระจายของมะเร็งได้
  • การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy): ใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในหลอดลมเพื่อเก็บชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา
  • การเจาะชิ้นเนื้อปอด (Biopsy): เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการยืนยันผลการวินิจฉัย โดยนำชิ้นเนื้อที่สงสัยไปตรวจในห้องปฏิบัติการ
  • การตรวจเลือด (Blood Test): เพื่อดูค่ามะเร็งบางชนิด หรือประเมินสุขภาพโดยรวม

แนวทางการรักษา

การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง ระยะของโรค สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย และการแพร่กระจายของมะเร็ง โดยมีวิธีการรักษาหลักๆ ดังนี้:

  • การผ่าตัด (Surgery): ใช้ในผู้ป่วยที่มะเร็งยังไม่แพร่กระจาย มะเร็งปอดบางชนิดในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัด
  • เคมีบำบัด (Chemotherapy): การใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง อาจใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่น
  • รังสีรักษา (Radiation Therapy): การใช้รังสีพลังงานสูงทำลายเซลล์มะเร็ง
  • การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy): ใช้ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมบางอย่าง
  • ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เป็นการใช้ยาที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง
  • การรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care): มุ่งเน้นการบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย โดยเฉพาะในระยะลุกลาม

การป้องกันมะเร็งปอด

โรคมะเร็งปอด

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ได้แก่:

  • งดสูบบุหรี่ทุกชนิด: รวมถึงบุหรี่ไฟฟ้า และหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสอง
  • หลีกเลี่ยงมลภาวะ: สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่น PM2.5 สูง
  • รักษาสุขภาพ: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูบบุหรี่จัด อาจพิจารณาการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วย CT Scan ชนิด Low-dose

โรคมะเร็งปอดเป็นภัยร้ายที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และการดูแลสุขภาพที่ดี รวมถึงการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น panacea-project