ประวัติ สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จากทีมคนงานสู่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอล

สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือที่แฟนบอลรู้จักกันในชื่อ “ปีศาจแดง” เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ความสำเร็จมากมาย และฐานแฟนคลับที่กว้างขวางทั่วโลก เรื่องราวของยูไนเต็ดเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่น่าจดจำ ทั้งความรุ่งโรจน์ โศกนาฏกรรม และการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่

จุดเริ่มต้นและการก่อตั้ง (ค.ศ. 1878 – ค.ศ. 1945)

สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1878 โดยกลุ่มคนงานจากการรถไฟสาย Lancashire and Yorkshire ในนิวตันฮีท (Newton Heath) โดยใช้ชื่อว่า Newton Heath LYR Football Club ในช่วงแรกสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันในลีกระดับท้องถิ่น ก่อนที่จะเข้าร่วมฟุตบอลลีกในปี ค.ศ. 1892 อย่างไรก็ตาม สโมสรประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนเกือบจะต้องปิดตัวลง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากนักธุรกิจท้องถิ่นอย่าง จอห์น เฮนรี เดวีส์ (John Henry Davies) ซึ่งเข้ามาลงทุนและเปลี่ยนชื่อสโมสรเป็น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Manchester United) ในปี ค.ศ. 1902 พร้อมกับย้ายสนามเหย้าจาก Bank Street ไปยังสนามในตำนานอย่าง โอลด์แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) ในปี ค.ศ. 1910

สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908 และคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี ค.ศ. 1909 ก่อนจะคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 1911 แต่หลังจากนั้น สโมสรก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ฟอร์มตกและสงครามโลกทั้งสองครั้ง ทำให้การแข่งขันฟุตบอลต้องหยุดชะงักไป

ยุคของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ และ “บัสบี้ เบบส์” (ค.ศ. 1945 – ค.ศ. 1969)

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สโมสรได้แต่งตั้ง เซอร์ แมตต์ บัสบี้ (Sir Matt Busby) เป็นผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 1945 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ด บัสบี้สร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยเน้นการพัฒนานักเตะดาวรุ่งจากอะคาเดมีของสโมสร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “บัสบี้ เบบส์ (Busby Babes)” ทีมชุดนี้เต็มไปด้วยนักเตะพรสวรรค์สูงอย่าง ดันแคน เอดเวิร์ดส์ (Duncan Edwards), บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (Bobby Charlton), เดนนิส ไวโอเล็ต (Dennis Viollet) และอีกหลายคน “บัสบี้ เบบส์” สร้างความฮือฮาด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจ และคว้าแชมป์ลีกได้ในปี ค.ศ. 1956 และ 1957

อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1958 เมื่อเครื่องบินที่บรรทุกนักเตะและสต๊าฟโค้ชของยูไนเต็ดประสบอุบัติเหตุตกที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ในเหตุการณ์ “ภัยพิบัติทางอากาศมิวนิก” นักเตะ 8 คนและผู้ร่วมเดินทางรวม 23 คนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก และเกือบทำให้สโมสรต้องล่มสลายอีกครั้ง

แต่ด้วยความมุ่งมั่นของเซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น และการสนับสนุนจากแฟนบอล ยูไนเต็ดก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง บัสบี้สร้างทีมขึ้นมาใหม่โดยมีนักเตะอย่าง จอร์จ เบสต์ (George Best), เดนิส ลอว์ (Denis Law) และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นแกนหลัก และสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี ค.ศ. 1963 แชมป์ลีกในปี ค.ศ. 1965 และ 1967 และจุดสูงสุดคือการคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ (European Cup) หรือ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปัจจุบันได้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1968 ถือเป็นทีมอังกฤษทีมแรกที่ทำได้สำเร็จ

ยุคตกต่ำและการกลับมา (ค.ศ. 1969 – ค.ศ. 1986)

หลังจากเซอร์ แมตต์ บัสบี้ วางมือในปี ค.ศ. 1969 สโมสรก็ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ผลงานไม่คงที่ มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหลายคน และถึงขั้นตกชั้นจากดิวิชั่น 1 ในปี ค.ศ. 1974 แต่ก็สามารถกลับขึ้นมาได้ในฤดูกาลถัดไป ยูไนเต็ดคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้บ้างประปรายในยุคนี้ แต่ก็ไม่สามารถกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนในยุคของบัสบี้ได้

ยุคของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน: ความรุ่งโรจน์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด (ค.ศ. 1986 – ค.ศ. 2013)

วงการฟุตบอลแห่ส่งแรงใจให้ "เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" หลังเข้ารับการผ่าตัดสมอง - BBC News ไทย

การมาถึงของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) ในปี ค.ศ. 1986 คือการเริ่มต้นของยุคทองที่ยาวนานและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เฟอร์กูสันใช้เวลาช่วงแรกในการปรับโครงสร้างทีมและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง แม้ในช่วงแรกจะถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับผลงาน แต่เขาก็ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหาร

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ ปี ค.ศ. 1990 ซึ่งช่วยคลายความกดดันและเปิดทางสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น

ภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กูสัน ยูไนเต็ดได้สร้างทีมที่มีนักเตะระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไรอัน กิ๊กส์ (Ryan Giggs), พอล สโคลส์ (Paul Scholes), เดวิด เบ็คแฮม (David Beckham), รอย คีน (Roy Keane), เอริก คันโตนา (Eric Cantona), คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) และอีกมากมาย

ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก (Premier League) ได้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1993 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการครอบครองความยิ่งใหญ่ในฟุตบอลอังกฤษ โดยคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 13 สมัย ภายใต้การคุมทีมของเฟอร์กูสัน

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการคว้า “ทริปเปิลแชมป์” (Treble) ในฤดูกาล 1998-1999 โดยสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้ในฤดูกาลเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยากจะหาทีมใดเทียบได้ ยูไนเต็ดยังคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้อีกครั้งในปี ค.ศ. 2008

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากการคุมทีมในปี ค.ศ. 2013 หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นสมัยสุดท้าย ทิ้งไว้ซึ่งมรดกอันยิ่งใหญ่และสถิติการคว้าแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

ยุคหลังเฟอร์กูสัน (ค.ศ. 2013 – ปัจจุบัน)

หลังจากการจากไปของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในการค้นหาผู้จัดการทีมที่เหมาะสมและพยายามกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่เช่นในอดีต แม้จะมีการลงทุนซื้อผู้เล่นราคาสูงหลายคน และคว้าแชมป์บางรายการ เช่น เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถกลับไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมเปียนส์ลีกได้อย่างสม่ำเสมอเหมือนในยุคเฟอร์กูสัน

ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังคงเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีอิทธิพลและได้รับความนิยมอย่างสูงทั่วโลก และยังคงมุ่งมั่นที่จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอีกครั้ง ด้วยประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความผูกพันกับแฟนบอลที่เหนียวแน่น และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง ปีศาจแดงจะยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในโลกฟุตบอลตลอดไป panacea-project